3 แบบฝึกหัดเปลี่ยนจากคนช่างคิดเป็นคนช่างทำ | Ae Thanet



สำหรับใครก็ตามที่มีลักษณะนิสัยเป็นคนช่างคิดอยู่ตลอดเวลาเหมือนผม ผมว่าคุณอาจเคยมีปัญหาแบบเดียวกับผมอยู่ก็ได้ คือ คิด คิด แล้วก็คิด มัวแต่คิด ไม่เริ่มทำเสียที ผมว่าคุณเข้ามาอ่านถูกบทความแล้วครับ อ่านให้จบ เราจะมาร่วมหาสาเหตุและวิธีการแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กันครับ ผมจึงมี 3 แบบฝึกหัดให้ไปลองฝึกกัน

แบบฝึกหัดที่ 1  เลิกฟุ้งซ่านแล้วโฟกัสไปทีละอย่าง

แน่นอนว่าในแต่ละวันเรามีเรื่องให้ฟุ้งซ่านได้ตลอดเวลาครับ ลองคิดดูครับว่าถ้าเราใจลอย ใจไม่อยู่กับตัว แล้วงานจะสำเร็จไหมครับ? ดังนั้นสติต้องมา ของแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะทำกันง่ายๆ ต้องอาศัยเวลาฝึกฝน เริ่มต้นจากการคิดและทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จเป็นอย่างๆ ครับ ยิ่งตอนนี้เทคโนโลยีเข้าใกล้เรามากถึงขั้นตัวติดกันตลอดเวลา ใช่ครับผมหมายถึงโทรศัพท์ คุณสังเกตตัวคุณเองบ้างหรือไม่ ทุกวันนี้คุณกินข้าว หรือทำไรก็ตามคุณอาจจะเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นโดยที่คุณไม่รู้ตัว นั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณไม่ได้อยู่กับปัจจุบันก็เป็นได้ แทนที่จะกินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปนั่งเล่นให้เป็นเรื่องเป็นราวไป ผมแค่ยกตัวอย่างคร่าวๆ เนอะ ลองเอาไปปรับใช้ดูครับ ไม่แน่นะ ถ้าคุณมีสติมากขึ้น อยู่กับปัจจุบันมากขึ้น คุณอาจจะทำงานเสร็จเร็วกว่าเดิมจนเหลือเวลาไปทำอะไรๆ ได้อีกมากมาย
มีสมาธิใช้พลังโฟกัสงานไปทีละงานให้เสร็จไป ดีกว่าทำหลายๆ งานพร้อมกันในเวลาเดียว  

แบบฝึกหัดที่ 2 ใช้เป้าหมายขับเคลื่อน

ในชีวิตของคนเรามีเรื่องให้ได้ทำมากมายครับ แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของเวลา เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้หรอกครับ ดังนั้นเราต้องเลือกทำกิจกรรมที่สำคัญสูงสุดก่อนครับ เราอาจจะเคยเจอคนที่ไม่มีเป้าหมายชีวิตเลย เราจะเห็นได้ชัดว่า เขาผู้นั้นจะทำอะไรเรื่อยเปื่อย ไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง พอถึงจุดๆ นึง เขาก็จะพร่ำพรรณนาว่าชีวิตเขาไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ก็เพราะว่ากิจกรรมที่เขากำลังทำอยู่นั้น มันอาจเป็นกิจกรรมที่ไม่สำคัญก็ได้ ดังนั้นเราต้องมีเป้าหมายของชีวิตก่อน จากนั้นถามตัวเองต่อว่า ปัจจุบันเราต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายนั้นๆ
หลายคนปล่อยชีวิตให้ไหลไปตามกระแสสังคมที่เขาบอกว่าดีว่ามั่นคง อยากให้หาเวลาคุยกับตัวเองดูครับว่าทุกวันนี้เราใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการหรือไม่ ถ้าไม่ก็ให้ถามต่อว่าอนาคตที่เราอยากมีชีวิตแบบไหน ตั้งเป้าหมายแล้วลงมือทำทีะเล็กทีละน้อย มันย่อมดีกว่าการใช้ชีวิตไปวันๆ จริงไหม

แบบฝึกหัดที่ 3 เชื่อในพลังของการลงมือทำ

ใช่ครับ ไม่ต้องคิดเยอะแล้ว ถ้าเรารู้ว่ากิจกรรมนี้เราต้องทำ เราก็จงเริ่มทำทันทีเลยครับ เพราะไม่ว่าเราจะผลัดวันประกันพรุ่งไปก็เถอะ สุดท้ายเราก็ต้องทำไม่ใช่หรอ แล้วเราจะรออะไร? รอให้งานของเราสะสมจนเป็นดินพอกหางหมูหรือไร? ดังนั้นลองฝึกการทำเดี๋ยวนี้ดูครับ
ในแต่ละวันให้เลือกลงมือทำในสิ่งที่สำคัญจริงๆ และเป็นสิ่งที่คุณต้องทำไม่สามารถให้คนอื่นทำแทนได้  ส่วนอะไรที่ไม่สำคัญเช่นเล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลงค่อยเก็บไว้ท้ายๆ ของวัน หรือจำกัดเวลาเล่นให้ชัดเจน แล้วชีวิตจะดีขึ้นแน่นอน
ผมอยากจะบอกกับทุกคนที่อ่านมาถึงจุดนี้ครับว่า “การเป็นคนช่างคิดมันไม่ผิดนะครับ แต่เราต้องอยู่กับปัจจุบันด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะมีชีวิตอยู่แต่ในจินตนาการของตัวเอง และสิ่งที่เราคิดจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยหากปราศจากการลงมือทำ” วันนี้ผมยังทำมันไม่ได้ดีเท่าไหร่ ผมยังไม่ได้อยู่กับปัจจุบันมากพอ แต่ตอนนี้ผมเรียนรู้ความผิดพลาดและผมได้หาสาเหตุและวิธีการแก้ไข และผมอยากจะแปะบทความนี้ไว้เพื่อที่ผมจะได้กลับมาอ่าน ไว้ฝึกฝนตัวเอง และเพื่อให้คนที่มีปัญหาเช่นเดียวกับผมได้อ่านได้นำไปปรับใช้ได้จริง
ขอบคุณสำหรับการอ่านครับ 🙂

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น

  1. เวลาที่ตัวเองคิดมาก แล้วไม่ลงมือทำ ผมก็จะมาอ่านบทความนี้แล้วกระตุ้นตัวเองให้ลงมือทำครับ มีเทคนิคอะไรอยากจะมาแชร์ คอมเม้นท์ได้เลยครับ เผื่อผมจะลองเอาไปใช้บ้าง ^^

    ตอบลบ