เนื่องจากเดือนกรกฎาคมนี้ผมอายุครบ 30 ปี บริบูรณ์แล้ว จึงอยากเขียนบทความสักหนึ่งบทความเพื่อเตือนใจน้องๆ ที่ได้มีโอกาสแวะเข้ามาอ่านบทความนี้ และถือโอกาสเตือนใจตัวเองไปในตัวด้วย ว่ามีสิ่งใดบ้างที่เราควรลงมือทำ หรือให้ความสำคัญ สิ่งใดเป็นแก่นสารของชีวิต ซึ่งผมได้รวบรวมเป็นข้อๆ ดังนี้
1. อย่าใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไร้ซึ่งจุดหมาย
วันใดก็ตามที่คุณขี้เกียจ อยากใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไหลลื่นไปตามกระแส ขอจงรู้ไว้ว่า มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยขี้เกียจ ไม่เคยหยุดพัก นั่นคือ 'เวลา' มันจะหยิบเวลาของคุณออกไปเรื่อยๆ ทีละวินาที รวมเป็นนาที รวมเป็น ชั่วโมง วัน เดือน และปี จากวันที่คุณอายุ 20 ปี รู้ตัวอีกทีคุณก็จะอายุ 30 ปีแบบผม ดังนั้น อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยโดยที่ไม่ทำอะไรเลยเป็นอันขาด คนที่สำเร็จเขาจะทุ่มเทใช้เวลาอย่างคุ้มค่า เมื่อใดที่เขาวางระบบทำเงินต่างๆ ของเขาเรียบร้อยแล้ว เขาจะได้พักไปตลอดชีวิต เขาอาจจะเสียเวลาเพียงเล็กน้อยกับการดูและรักษาระบบทำเงินของเขา
หากวันนี้เราทำอะไรสะเปะสะปะ ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน โอกาสสำเร็จมันจะมีน้อย ยิ่งในยุคดิจิทัล เราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเร็วมาก ถ้าเกิดเราไม่จำกัดเวลาเล่นโซเชียล เราอาจเสียเวลาทิ้งไปเป็นวันๆ กับการไถ่ฟีดข่าวดารา เรื่องชาวบ้าน ผมไม่ได้ห้ามให้เล่น เพราะการติดตามข่าวสารบ้านเมือง ผมย้ำว่าเป็นสิ่งสำคัญ มันเป็นหน้าที่พลเมืองดีที่เราทำได้ แต่ผมอยากให้คุณจำกัดเวลาเล่น อย่าปล่อยไหลไปเรื่อยโดยไร้จุดหมาย
วันนี้ให้ลองถามตัวเองว่า อยากจะเป็นคนแบบไหน? อยากทำอาชีพอะไร? อยากจะประสบความสำเร็จแบบไหน? ตัวอย่างเช่น ต้องการมีเงินใช้ไร้กังวล ต้องการมีความรักที่ดี ต้องการมีครอบครัวอบอุ่น ต้องการมีสุขภาพที่ดี ต้องการมีชื่อเสียง ฯลฯ คุณก็โฟกัสไปทีละเรื่อง แล้วตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ระบุจำนวนที่ต้องการ ระบุวันที่จะทำสำเร็จ ระบุสถานที่ อะไรก็ว่ากันไป แล้ววางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ทำจุด Check point ที่จะให้รางวัลแก่ตนเอง แล้วเริ่มลงมือทำเลยครับ ห้ามรอเป็นอันขาด!!!
2. ทำงานที่ได้ผลตอบแทนตามความสามารถ
มีคนจำนวนมากที่ไม่มีต้นทุนชีวิตอะไรเลย พ่อแม่ไม่ได้รวย ไม่มีทรัพย์สมบัติกองให้ เรียนจบมาแล้ว ต้องสมัครงานเป็นมนุษย์เงินเดือน สุดท้ายโดยระบบการทำงานขององค์กรกลืนกิน ไร้ซึ่งความฝัน ใช้ชีวิตไปวันๆ รอวันเงินเดือนออก วนลูปไปเรื่อยๆ
สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ การทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ผิด มันก็มีด้านดีๆ อยู่เหมือนกัน ทำให้เราได้เรียนรู้การทำงานขององค์กร เรียนรู้กระบวนการธุรกิจ แต่คุณไม่ต้องทำงานถวายชีวิตมากจนเกินไป สุดท้ายถ้าคุณตาย เขาก็รับคนใหม่มาทำงานแทน คุณแค่ต้องทำให้พอดีๆ ถ้าเบื่อก็หาที่ใหม่ที่ทำให้คุณได้เติบโต ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ถ้าที่ไหนไม่ให้ความสำคัญกับคุณก็ย้ายที่ทำงาน เพราะการอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานๆ ก็ไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป ยกเว้นแต่ว่าคุณจะชอบ
พยายามทำงานที่ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความสามรถ สิ่งสำคัญคือคุณไม่มีต้นทุนชีวิต คุณจึงต้องมาทำงานถูกไหม ดังนั้น ถ้ามีอาชีพที่คุณจะได้ผลตอบแทนตามความสามารถ ให้รีบกระโจนใส่เลย ใช่แล้ว มันไม่ง่ายหรอก เพราะอาชีพพวกนี้มักจะเกี่ยวข้องกับการขาย มีค่าคอมมิชชันที่คุณจะได้ แต่มันจะฝึกให้คุณกล้าทำการค้าขายกับผู้คน มันเป็นทักษะที่สำคัญมากจริงๆ ถ้ามีโอกาสอยากให้คุณลอง ถ้าคุณทำได้ รายได้จะเป็นนกอบเป็นกำ คุณจะสะสมต้นทุนชีวิตได้เร็วยิ่งขึ้น
3. เริ่มลงทุนก่อนได้เปรียบ
เมื่อคุณหาเงินเก่ง อย่าเพิ่งใช้จ่ายไปกับสิ่งของฟุ่มเฟือย เช่น ของแบรนด์เนม รถยนต์หรู บุฟเฟ่ต์ทุกวัน ฯลฯ จงเอาเงินมาต่อเงิน ใช่นี่คือสิ่งที่ผมพลาด ถ้าผมมีโอกาสย้อนเวลาไปหาตัวเองตอนอายุ 20 ผมจะบอกตัวเองให้เริ่มลงทุน เพราะการลงทุนมันไม่จำเป็นว่าเราจะต้องมีเงินแสนก่อน แล้วจึงค่อยลงทุน เพียงแค่คุณมีเงินหลักร้อยหลักพันในยุคนี้คุณก็สามารถลงทุนได้แล้ว
เครื่องมือการเงินที่ผมเพิ่งมารู้จักตอนอายุ 30 คือ หุ้น ผมรู้ช้ามาก ถ้าผมค่อยๆ สะสมซื้อหุ้นรายบริษัทไปเรื่อยๆ กระจายความเสี่ยง เลือกบริษัทที่มั่นคง จ่ายปันผลดีต่อเนื่องทุกปี แล้วเอาเงินปันผลกลับมาลงทุนซ้ำ (Re-Invest) อิสระภาพทางการเงินมันเกิดได้จริง ถ้าผมสะสมหุ้นในพอร์ทการลงทุนได้มากตามเป้า ผมจะไม่ต้องทำงานประจำ และใช้ชีวิตแบบอิสระ คิดแบบนี้ผมเลยมีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาทำงานหาเงิน แล้วเอาเงินไปลงทุนครับ
ผมจึงสร้างบล็อกนี้ขึ้นมาเพื่อบันทึกข้อมูลด้านการเงิน การลงทุน จะหาเงินยังไงให้เก่งๆ จะประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้มีเงินเหลือไปลงทุนได้อย่างไร ในขณะที่ชีวิตของเราก็ต้องมีความสุข ได้กิน ได้เที่ยวไปด้วย ปลายทางก็เพื่ออิสระภาพทางการเงิน ฝากติดตามบทความอื่นๆ ของผมด้วยนะครับ เราจะเติบโตไปด้วยกัน
4. วางแผนเกษียณ
เชื่อไหม สิ่งที่ผู้ใหญ่สอนเราว่า คนเราจะเกษียณตอนอายุประมาณ 60 มันไม่จริงเสมอไป นั่นมันค่าเฉลี่ยของคนส่วนใหญ่ เราไม่จำเป็นต้องเหมือนคนส่วนใหญ่ก็ได้ ถ้าวันนี้เราวางแผนเรื่องการเงิน การจัดการความเสี่ยงด้วยประกันต่างๆ ภาษี และการจัดการมรดกแล้ว เท่ากับว่าชีวิตนี้ของคุณเกษียณได้แล้วครับ คุณสามารถจากโลกนี้ไปได้โดยไร้ความกังวลใดๆ คุณจะออกไปใช้ชีวิต ออกไปเที่ยวรอบโลกก็ยังได้
หลักการวางแผนเกษียณ มันก็ค่อนข้างมีรายละเอียดที่เยอะ คงไม่สามารถเล่าในบทความนี้ได้ หลักๆ ที่ผมโฟกัสอยู่ตอนนี้เป็นด่านแรกก่อน คือ การสร้างรายได้แบบ Passive Income เพื่อให้ตัวผมเองได้หลุดพ้นจากงานประจำ
โดยหลักการง่ายๆ ของผมคือ ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เดือนละ 3 หมื่นบาท (เป็นตัวเลขคร่าวๆ ที่ผมกำหนดว่า ผมจะสามารถลาออกจากงานและใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ) จากนั้นผมก็คูณ 12 เดือน เป็นเงิน 360,000 บาทต่อปี ผมก็เริ่มหาเครื่องมือลงทุนแล้วว่าจะใช้เครื่องมือใดที่ให้ผลตอบแทนที่สูงและความเสียงที่ผมรับได้ ซึ่งผมเองเลือกหุ้นเป็นตัวหลัก ซึ่งทำผลตอบแทน 5% - 10% ต่อปี ผมเริ่มคำนวณว่าจะต้องสะสมหุ้นกี่ล้านบาท เพื่อให้ผมมีเงินปันผลตามเป้าหมาย และผมก็เริ่มต้นลงมือสะสมหุ้นแล้วครับ ต้องใจเย็นซื้อตอนราคาที่เราคิดว่าดีที่สุด ถึงแม้ตอนนี้จะยังมีไม่เยอะ แต่อย่างน้อยวันนี้ก็เริ่มลงมือทำแล้ว และเมื่อใดที่ผมทำสำเร็จ ผมจะลาออกจากงานประจำ
5. ดูและสุขภาพ
อายุที่มากขึ้น ในขณะที่สุขภาพเริ่มถดถอย เรานอนดึกสะสม เครียดเรื่องงาน ถ้าใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป หาเงินมาได้เท่าไหร่ สุดท้ายเอาไปจ่ายให้หมอโรงพยาบาลหมด
ดังนั้น เราต้องดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ควรฝึกให้เป็นนิสัย นอกจากเราจะมีสุขภาพที่ดี ดูเด็กกว่าวัยแล้ว เรายังลดค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาตัวในอนาคตด้วย
6. อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ พัฒนาทักษะความสามารถ
คลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นทุกวัน น้องๆ ที่เข้ามาทำงานใหม่มีความรู้ ความสามารถจนบางทีเรารู้สึกว่าน้องเก่งกว่าเราอีก แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีมากกว่าคือประสบการณ์ นั่นคือสิ่งที่องค์กรยังจ้างเราอยู่
แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรอยู่เฉย เราควรหาความรู้ใส่ตัวตลอด กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และฝึกทักษะที่จำเป็น ทักษะในโลกอนาคต อย่างวันนี้ผมกล้าที่จะฝึกทักษะการเขียนบล็อก กล้าที่จะสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์แล้ว ฝากติดตามและให้กำลังใจด้วยครับ
7. ให้ความสำคัญกับครอบครัว
ช่วงวัย 20 ปี เป็นวัยมหาลัย เชื่อว่าหลายๆ คนติดเพื่อนฝูงมาก แต่พอเรียนจบก็จะเริ่มแยกย้ายไปมีชีวิตของตนเอง และพออายุ 30 เราจะเหลือเพื่อนไม่กี่คนแล้ว ถึงจุดนี้เชื่อว่าคนที่อายุ 30 จะเข้าใจดี คือ เราจะให้ความสำคัญกับครอบครัวมากขึ้น เริ่มมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต้องรับผิดชอบ เริ่มเป็นเสาหลักของครอบครัว
สำหรับน้องๆ ที่ได้มาอ่านบทความนี้แล้วยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรในครอบครัว อยากให้คิดเผื่อไว้ รีบสร้างความมั่นคงให้ตัวเอง เมื่อใดที่ครอบครัวต้องการเรา เราจะได้เป็นที่พึ่งให้กับครอบครัวของเราได้ครับ
8. สร้างมิตรให้มาก อย่าสร้างศัตรู
การมีมิตรที่มากย่อมดีอยู่แล้ว เพราะในโลกความเป็นจริง การมี Connection จะเป็นประโยชน์แก่เรามาก เราอาจจะมีเพื่อนเป็นหมอ เป็นครู เป็นชาวไร่ เป็นเซลล์ขายรถ เป็นคนในแวดวงไอที ฯลฯ วันใดที่เราอยากขอคำปรึกษาเพื่อนๆ เหล่านี้เขาจะให้การช่วยเหลือเราได้ครับ ดังนั้น เราจึงควรสร้างมิตรไว้เยอะๆ ดีกว่าสร้างศัตรูแน่นอน
9. ฝึกรับผิดชอบตัวเองให้ได้
ฝึกรับผิดชอบตัวเองให้ได้ในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องกินอยู่ ภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ การดูแลรักษาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย เป็นสิ่งที่ต้องฝึกทำให้ได้ ลดการพึ่งพาจากคนทางบ้านครับ ถ้าทำได้ เราจะดูโตเป็นผู้ใหญ่ และคุณพ่อคุณแม่เราจะรู้สึกเบาใจหายห่วง
10 ออกงานสังคม เปิดโลกกว้างบ้าง
ถ้ามีการจัดงานอีเวนท์ เราก็ควรไปเข้าร่วมบ้าง จะเป็นงานหนังสือ งานรถยนต์ งานอีเวนท์สายอาชีพต่างๆ ฯลฯ ล้วนมีประโยชน์ เพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆ หาเพื่อน สร้าง Connection ครับ เรื่องนี้ผมค่อนข้างทำน้อย แต่สัญญากับตัวเองว่า ต่อไปนี้จะพยายามไปเข้าร่วมให้มากขึ้น
นอกจากนี้อาจจะใช้วิธีไปท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ กล้าที่จะพูดคุยกับคนแปลกหน้า ตรงนี้ผมมองว่าเจ๋งมาก มันทำให้ผมกล้าที่จะออกจาก Comfort zone และได้เรื่องราวใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ มาเขียนบล็อกด้วย
สรุป '10 สิ่งที่ควรรู้ก่อนอายุ 30'
1. อย่าใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไร้ซึ่งจุดหมาย
2. ทำงานที่ได้ผลตอบแทนตามความสามารถ
3. เริ่มลงทุนก่อนได้เปรียบ
4. วางแผนเกษียณ
5. ดูและสุขภาพ
6. อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ พัฒนาทักษะความสามารถ
7. ให้ความสำคัญกับครอบครัว
8. สร้างมิตรให้มาก อย่าสร้างศัตรู
9. ฝึกรับผิดชอบตัวเองให้ได้
10 ออกงานสังคม เปิดโลกกว้างบ้าง
บทความนี้คงต้องจบแต่เพียงเท่านี้ เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิต ประสบการณ์ที่ผมมีกับคุณผู้อ่านสั้นๆ อย่างไรผมขอฝากผลงานบล็อกของผมไว้ด้วยครับ สัญญาว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ทุกวัน จะหาสิ่งดีๆ มาแชร์ ทั้งความรู้เรื่องการเงิน การใช้ชีวิต เพื่อให้เราเติบโตไปด้วยกันครับ
ถ้ามีความคิดเห็น หรือ อยากให้ผมเขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร Comment ไว้ที่ด้านล่างได้เลยครับ เจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ
0 ความคิดเห็น