ใครบอกว่าไม่มีสลิปเงินเดือนทำเครดิตไม่ได้? ผมได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถทำบัตรเครดิตใบแรกโดยไม่ใช้สลิปเงินเดือน ถ้าเกิดคุณเป็นพนักงานเงินเดือนมีสลิปเงินเดือนอยู่แล้ว และบังเอิญผ่านมาอ่านบทความนี้ คุณโชคดีมากครับ เพราะคุณสามารถสมัครบัตรเครดิตได้ง่ายมากๆ เพียงแค่คุณมีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไปเท่านั้นเอง แต่สำหรับคนที่ไม่มีสลิปเงินเดือน อยากให้ลองอ่านบทความนี้จนจบ ไม่แน่อาจจะได้แนวทางจากผม
ออกตัวก่อนว่า ผมเขียนจากประสบการณ์ส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
ทำไมคนเราควรมีบัตรเครดิต?
ก่อนอื่น อยากให้คุณผู้อ่านทำความเข้าใจก่อนว่า ทำไมเราควรมีบัตรเครดิต จากชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า บัตรเครดิต ซึ่งคือการยืมเงินจากทางธนาคารมาใช้ก่อน แล้วเราค่อยจ่ายกับธนาคารทีหลัง ดังนั้นใจความสำคัญคือ เจ้าบัตรเครดิต มันจะสร้างเครดิตให้กับเรานั่นเอง
ถ้าเรามี 'เครดิตดี' มีการชำระหนี้ที่ตรงเวลา ครบจำนวน แบบนี้ในอนาคต ถ้าเราต้องการกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อมาซื้อบ้าน ซื้อรถ ย่อมทำให้ได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ง่าย เพราะธนาคารเขารู้พฤติกรรมการชำระหนี้ของเราผ่านการใช้บัตรเครดิตของเรานั่นเอง
ในขณะคนที่มี 'เครดิตเสีย' ชำระหนี้บัตรเครดิตไม่ตรงเวลา ผิดนัดชำระหนี้ แบบนี้จะทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตจะค่อนข้างมีปัญหา ต้องรีบจัดการเคลียร์หนี้บัตรเครดิตให้เรียบร้อยเสียก่อน
สำหรับคนที่ไม่มีบัตรเครดิต แบบนี้เราก็ไม่มีประวัติเครดิตเสียซิ? จริงครับ ไม่มีประวัติเครดิตเสีย แต่ก็ไม่มีประวัติเครดิตดีด้วย ดังนั้น สำหรับใครที่คิดว่า อนาคตฉันจะขอสินเชื่อกับธนาคาร ผมแนะนำว่า เราควรมีบัตรเครดิตสักใบ เพื่อมาสร้างเครดิตดีกันครับ
บัตรเครดิตใช้งานไม่ยาก ถ้าคุณผู้อ่าน มีการใช้จ่ายชำระค่าสินค้า ค่าบริการ ตามห้างร้านอยู่แล้ว หรือจะเติมน้ำมันตามสถานีบริการน้ำมันอยู่แล้ว เพียงแค่เปลี่ยนจากการชำระเงินสด มาเป็นการชำระผ่านบัตรเครดิต แค่นี้ก็เป็นสร้างเครดิตง่ายๆ แล้ว
ทัศนคติสำคัญที่ควรมีก่อนการสมัครบัตรเครดิต คือคุณต้องควบคุมการใช้จ่าย อย่าให้เกินตัว มิเช่นนั้น คุณจะกลายเป็นคนที่มีเครดิตเสียครับ ก่อนหน้านี้ผมได้เขียนบทความหนึ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ เกี่ยวกับเทคนิคการใช้บัตรเครดิตอย่างไรไม่ให้เป็นหนี้ เชิญอ่านได้ครับ
เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ น่าจะพอเห็นความสำคัญของการมีเครดิตแล้วใช่ไหมครับ?
ทำไมต้องสลิปเงินเดือน?
ที่ธนาคารถามหาสลิปเงินเดือน เพราะว่าเขาต้องการทราบแหล่งที่มาของรายได้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่าเรานั้นมีความสามารถในการชำระหนี้นั่นเอง
สลิปเงินเดือนจะดูควบคู่กับ statement หรือ การเดินบัญชีธนาคารของเราย้อนหลัง 3 เดือน โดยธนาคารจะดูว่า เราได้รับเงินเดือนตรงเวลา สม่ำเสมอในทุกๆ เดือนหรือไม่ และสลิปเงินเดือนจะสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทนายจ้างมีการจ่ายเงินเดือนให้พนักงานผ่านระบบจ่ายเงินเดือนที่มีความน่าเชื่อถือ แบบนี้โอกาสในการอนุมัติบัตรเครดิตจะสูง และจะได้วงเงินบัตรเครดิตที่สูงไปด้วย
สำหรับคนที่ไม่ใช่พนักงานประจำ รายชการ รัฐวิสาหกิจ อาจจะประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือ อาชีพอิสระ ธนาคารจะขอดู statement หรือ การเดินบัญชีธนาคารของเราที่มากขึ้น โดยมักจะขอดูย้อนหลัง 6 เดือน
สำหรับตัวผมเองไม่มีสลิปเงินเดือน เนื่องจากบริษัทที่ผมทำงาน เป็นบริษัทขนาดเล็กมีพนักงานไม่ถึง 10 คน ซึ่งการจ่ายเงินเดือนใช้วิธีการโอนเงินจากบัญชีนายจ้าง (บัญชีประเภทบุคคลธรรมดา) สู่บัญชีพนักงาน ถึงแม้จะมีการโอนเงินที่ตรงเวลาทุกเดือน แต่ก็ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ เพราะธนาคารมองว่าบริษัทไม่ได้โอนเงินผ่านระบบจ่ายเงินเดือนพนักงาน และธุรกรรมเงินเดือนที่เกิดขึ้นนั่น ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า Salary code แหล่งรายได้ของผมไม่น่าเชื่อถือนั่นเอง
สิ่งที่ผมพลาดอีกอย่างคือ ไม่ได้ทำการเดินบัญชีไว้ หรือ ไม่ได้ทำ Statement ไว้นั่นเอง การเดินบัญชีเงินฝาก ให้เห็นว่าเรามีเงินเข้า เงินออกในบัญชีเงินฝากอย่างเป็นประจำ ต่อเนื่อง จะทำให้ธนาคารเห็นพฤติกรรมการใช้เงินของเรา ซึ่งผมไม่ได้ทำไว้ ก็ทำให้พลาดในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะบัญชีที่ผมรับเงินเดือน พอเงินเดือนเข้ามา ผมก็โอนออกไปบัญชีอื่นหมด ซึ่งพลาดมาก
เมื่อสลิปเงินเดือนก็ไม่มี Statement ก็ไม่สวย รวมถึงผมไม่มีข้อมูลในฐานข้อมูลเครดิตบูโรซะด้วย (ไม่เคยเป็นหนี้ใดๆ มาก่อน) ทำให้ธนาคารต่างๆไม่อนุมัติบัตรเครดิตให้ผม ผมจึงต้องใช้วิธีการทำบัตรเครดิตโดยใช้สมุดเงินฝากค้ำประกัน
การสมัครบัตรเครดิตโดยใช้เงินฝากค้ำประกัน
ตอนนั้นผมอยากได้บัตรเครดิตมากๆ เพราะอีกไม่นานจะทำสินเชื่อรถยนต์แล้ว อยากจะมีบัตรเครดิตใบแรกเพื่อสร้างเครดิตดีให้ผม และเมื่ออ่านในพันทิป พบว่ามีวิธีการทำบัตรเครดิตโดยใช้สมุดบัญชีเงินฝากค้ำประกัน ผมจึงโทรหาคอลเซ็นเตอร์ธนาคารเพื่อสอบถามถึงขั้นตอนการทำ และนี่คือประสบการณ์จริงของผม
- คอลเซ็นเตอร์ขอธนาคารให้คำแนะนำว่า เราสามารถ Walk-in ไปธนาคารที่เราสะดวกได้เลย และบอกเจ้าหน้าที่ว่า ต้องการสมัครบัตรเครดิตโดยใช้บัญชีเงินฝากค้ำประกัน โดยเตรียมเอกสารหลีกฐาน ได้แก่ บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
- ผมได้ไปติดต่อธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้บอกเจ้าหน้าที่ไปว่า ขอทำบัตรเครดิตโดยใช้บัญชีเงินฝากค้ำประกัน ทางเจ้าหน้าที่ก็สอบถามประมาณว่า คุณลูกค้าได้ลองสมัครโดยใช้สลิปเงินเดือนแล้วหรือยัง ซึ่งเราก็บอกไปว่า เราสมัครแล้วแต่ไม่ได้รับการอนุมัติ ตรงนี้เจ้าหน้าที่ก็เข้าใจ และรีบหาเจ้าหน้าที่เคาเตอร์ให้เรา
- เจ้าหน้าที่ยื่นแบบฟอร์มการสมัครบัตรเครดิตให้ผมกรอก และแจ้งว่าผมจะต้องเปิดบัญชีเงินฝากกับทางธนาคาร พร้อมแนะนำว่าเลือกฝากประจำดอกเบี้ยสูงกว่า ผมก็ดูพวกดอกเบี้ย ณ ตอนนั้น พบว่าฝากประจำ 6 เดือนคุ้มกว่า ผมก็ทำการเปิดบัญชีเลย
- เราต้องการวงเงินบัตรเครดิตเท่าไหร่? ให้ฝากเงินเข้าบัญชีเท่านั้น ซึ่งผมคิดมาแล้วว่า ต้องการวงเงินบัตรเครดิต 3 หมื่นบาท ผมจะถอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์และฝากเข้าบัญชีเงินฝากประจำที่เพิ่งเปิดเมื่อสักครู่
- เจ้าหน้าที่ก็ให้เซ็นเอกสารประมาณว่า จะสมัครบัตรเครดิตโดยใช้บัญชีเงินฝากประจำนี้นะเป็นตัวค้ำประกัน ถ้าหากเราผิดชำระหนี้ ก็จะโดนตัดเงินจากบัญชีค้ำประกัน ผมก็เซ็นเอกสารเรียบร้อย
- เจ้าหน้าที่จะให้เรากกลับไปก่อน และจะแจ้งผลให้เราทราบภายหลัง
- ผ่านไปประมาณ 7 วัน เจ้าหน้าที่ก็โทรมาแจ้งว่า บัตรเครดิตของคุณได้รับการอนุมัติแล้ว ให้มาติดต่อขอรับบัตรเครดิตกับธนาคารได้ โดยให้เอาสมุดบัญชีเงินฝากที่เราจะใช้ค้ำประกันมาให้ธนาคารยึดไว้ด้วย ผมก็เอาสมุดเงินฝาก 3 หมื่นบาท ไปที่ธนาคาร
- เจ้าหน้าที่ก็ให้เราเซ็นเอกสารรับบัตรเครดิต และยึดสมุดเงินฝากไว้กับธนาคารสาขานั้น โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า สมุดเงินฝากนี้จะได้คืนหลังจากยกเลิกการใช้งานบัตรเครดิต และมาติดต่อขอรับคืนได้ที่สาขานี้ได้เลย
- เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการเปิดใช้งานบัตรเครดิตผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร และสอนการใช้งานฟังก์ชันควบคุม ระงับบัตรเครดิตด้วย ซึ่งบริการดีมากครับ
ถึงตอนนี้ก็ครบ 1 ปีแล้ว ผมก็ยังแฮปปี้กับการใช้งานบัตรเครดิตตัวนี้อยู่ ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากของสมุดบัญชีเงินฝากค้ำประกันนั้น ก็ทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ (ดูได้จากในแอปพลิเคชันของธนาคารครับ)
ตอนนี้ผมก็มีเครดิตดีมา 1 ปีแล้ว ชำระเงินตรงเวลาไม่เคยล้าช้า สักวันหนึ่งผมคงหาเรื่องทำบัตรเครดิตตัวใหม่ และยกเลิกบัตรเครดิตตัวปัจจุบัน จะได้เอาเงินค้ำประกัน 3 หมื่นไปลงทุนอย่างอื่นให้เกิดประโยชนมากกว่านี้
ถ้าชื่นชอบฝากแชร์บความนี้ด้วยนะครับ...
0 ความคิดเห็น