สืบเนื่องจากที่เดอะแก๊งค์ของเราได้ที่พัก รายาบุรีรีสอร์ท เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งผมเองก็ไม่เคยไปพักเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ เลยตกลงปลงใจขอร่วมทริปด้วย ซึ่งตัดสินใจถูกมาก เหมือนได้ไปชาร์จแบตให้ตัวเอง อากาศที่สดชื่น กับความสงบท่ามกลางธรรมชาติ
บทความก่อนหน้า
พวกเราเดินทางออกจากต้นจามจุรียักษ์ อายุมากกว่า 100 ปี อำเภอเมืองกาญจนบุรี มุ่งหน้าสู่ที่พักของเราในคืนนี้ รายาบุรี รีสอร์ท ตำบล ท่ากระดาน อำเภอ ศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี โดยใช้เส้นทางหมายเลข 3199 ระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตร
ระหว่างทางพวกเราแวะกินข้าวกลางวันที่ร้าน Black Coffee Cafe&Resturant แยกท่าพะเนียด ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ อยู่ติดริมถนนเลยครับ ที่เลือกร้านนี้เพราะว่าเป็นทางผ่าน และได้รีวิวใน Google Map 4 ดาว เลยตัดสินใจแวะ จริงๆ คือหิวแล้วล่ะ ต้องเดินทางอีกไกลเลยหาอะไรง่ายๆ กิน ร้านนี้อาหารและเครื่องดื่มคุณภาพดี พนักงานน่ารัก บรรยากาศในร้านและอาหารก็จะประมาณนี้ครับ
เมื่อเติมพลังและอัปโหลดภาพลงโซเชียลแล้ว เวลาก็เกือบจะ 4 โมงเย็นแล้ว พวกเราต้องรีบเดินทางต่อ เพราะเราสายกว่ากำหนดมากจริงๆ เราต้องเดินทางอีก 75 กม. บวกกับเย็นมากแล้วจึงไม่ได้แวะไปถ่ายรูปที่สันเขือนศรีนครินทร์ ก่อนเข้าที่พักก็แวะซื้อขนม สเบียงต่างๆ ไปด้วย เพราะเป็นคนที่ชอบหิวตอนดึก ซึ่งก็คิดถูก เพราะทางเข้ารีสอร์ทก็แอบเปลี่ยว และผ่านไร้สวนชาวบ้านด้วย กลางคืนก็ไม่ควรออกไปไหน
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงรายาบุรีรีสอร์ทตอนเวลา 17.30 น. ซึ่งซุ้มประตูก็จะประมาณนี้
หลังจากเช็คอินที่พักกับทางโรงแรม ก็ได้กุญแจห้องพัก ต่อไปก็ได้เวลาสำรวจห้องพัก โดยห้องพักจะแบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ คือ โซนข้างบนเนินเขาข้างบน และโซนที่เป็นแพในเขื่อนครับ ซึ่งพวกเราจองที่พักบนเนิน ทางเดินไปที่พักก็จะประมาณนี้ครับ
ซึ่งโซนนี้จะเป็นบ้านแยกไปเป็นหลังๆ เลยครับ ห่างกันนิดหน่อย พวกเราได้บ้านหลังแรกเลย สะดวกมากๆ ไม่ต้องเดินไกล ในบ้านที่พวกเราพักมีเตียง 2 เตียง นอนได้ 3 คน แอร์เย็นมาก
ถัดจากเตียงก็นี่เลยครับ โซฟาใหญ่นอนได้อีกคน เปิดม่านไปนั่งชิวดูวิวเขื่อนเพลินๆ ครับ สำหรับใครที่มาถึงที่พักเร็ว แดดร้อนยังไม่อยากออกไปเล่นน้ำ ถ้าเอาโน๊ตบุคมามานั่งทำงานและมองวิวเขื่อนไปด้วยก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวนะครับ
ในห้องก็จะมีทีวี ตู้เย็นขนาดเล็ก ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปมา ถัดจากโซฟาก็จะเป็นประตูออกไปนอกระเบียง ซึ่งเขาทำเป็นประตูกระจกขนาดใหญ่มาก ให้เราชมวิวเขื่อนจากเตียงนอนได้เลย
ไปครับ เราไปสำรวจระเบียงกัน ต้องบอกว่าระเบียงใหญ่มาก มีเก้าอี้ โต๊ะขนาดเล็กด้วย และนี่คือภาพถ่ายวิวเขื่อนจากระเบียงที่พัก ซึ่งเราจะมองเห็นโซนที่พักแบบแพลอยน้ำอยู่เหนือน้ำเบื้องล่าง
อีกไฮไลท์ที่เราเลือกจองที่พักบนเนินคือสิ่งนี้ครับ อ่างจากุชชี่ ซึ่งตรงนี้เราสามารถถ่ายรูปตอนแช่น้ำในอ่างจากุชชี่ ถ่ายรูปกับวิวธรรมชาติสวยๆ เตรียมบาธบอม (Bath Bomb) มาด้วยนะครับฟองจะได้เยอะๆ
ข้างๆ อ่างจากุชชี่จะมีประตูอีกบานสำหรับเข้าไปที่โซนฝักบัว ห้องแต่งตัว และห้องส้วมครับ ซึ่งห้องน้ำใหญ่และถ่ายรูปสวย
สำรวจที่พักก็พอสมควรแล้ว เรารีบไปสำรวจบรรยากาศรอบๆ ที่พักกันก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน แน่นอนว่ามาเขื่อนก็ต้องลงไปที่เขื่อนนั่นเอง และนี่คือทางเดินลงเขื่อนครับ ถ้าใครขี้เกียจเดินก็มีอะไรนะผมก็เรียกไม่ถูก ฮ่าๆ (ที่ภาพมุมซ้าย) จะให้เราเข้าไปยื่นแล้วเขาจะค่อยๆ หย่อนเราไปตามราง เอาจริงๆ เดินไปไวกว่าครับ ช่วงที่พวกเราไปก็คือน้ำน้อย เลยต้องเดินลงไปไกลหน่อย
เย้!! เราเดินมาถึงแพแล้ว แอบส่องที่พักในแพหน่อย มันก็จะมีความโคลงเคลงนิดหน่อย ใครที่เมาเรืออาจจะไม่เหมาะกับการนอนแพนะครับ เอาจริงๆ มันไม่มีคลื่นอะไรหรอก เพราะในเขื่อนก็ไม่ค่อยมีเรือ ที่พักก็มั่นคง ยกเว้นตอนกระโดดน้ำก็จะขยับนิดหน่อยครับ แอบอิจฉาตรงที่เขาเดินออกมาจากห้องพักคือกระโดดน้ำได้เลย ในขณะที่เราเดินไกลกว่า แต่วิวที่พักเราจะเห็นแบบมุุมสูงกว่าครับ ได้อย่างเสียอย่าง อันนี้แล้วแต่ความชอบ
ห้องพักแบบแพของ รายาบุรีรีสอร์ท ยาวมากครับ มีหลายห้องเลย ส่วนใหญ่คนจะจองเต็มตลอด
พอเริ่มมืด รีสอร์ทก็จะเปิดไฟ เราก็จะได้ภาพยามเย็นแบบนี้
สิ่งหนึ่งที่พวกเราพลาดคือ ตอน 17.00 น. ทางรีสอร์ทจะให้ผู้เข้าพักได้นั่งแพเปียก แล้วก็จะมีเรือลากเราไปตามเขื่อนครับ เสียดายมากๆ ที่มาไม่ทัน (เอาจริงๆ คือไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนเลยพลาด) สิ่งที่เราทำได้คือลงไปเดินเล่นบนแพเปียก ถ่ายรูปก็ดีไปอีกแบบครับ ภาพที่ได้ก็จะให้ความรู้สึกว่าเราเป็นคนตัวเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
สำหรับเย็นนี้เรายังไม่อยากเล่นน้ำ เพราะว่าเริ่มมืดแล้ว อีกอย่างเล่นน้ำตอนกลางคืนมันอันตรายครับ เขาว่าในเขื่อนน้ำลึกด้วย เราเลยเน้นถ่ายรูปกับไฟสวยๆ ไปตั้งโปรไฟล์ Facebook ซะหน่อย
บางทีการที่เราทำงานอยู่แต่ในเมือง เครียดเรื่องงาน เรื่องรถติด จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกวัน พอได้ออกมาใช้ชีวิตบ้าง อยู่กับธรรมชาติที่เงียบสงบ มันก็ช่วยเติมพลังได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะเข้าที่พักกันหมดแล้ว เงียบสงบมากๆ พวกเราก็ควรจะต้องเข้าที่พักเช่นกัน
ไว้ตอนเช้าจะมาพายเรือกันครับ เอ๊ะ มีคนอยากได้รูปถ่ายกับเรือถีบ เรืือปั่น จัดไปครับ ถ่ายตอนค่ำก็สวยไปอีกแบบนะเนี่ยะ
และนี่คือภาพจากระเบียงที่พักของเรา จะเห็นแสงไฟของแพในเขื่อน สวยๆ
ค่ำนี้เรามาแช่น้ำชมดาวกันครับ เอาจริงๆ ก็คือตีฟองกันทุลักทุเลเพราะดันลืมเอาบาธบอม (Bath Bomb) มาด้วย ฮ่าๆ แต่สุดท้ายเราก็ทำฟองสำเร็จครับ การถ่ายรูปในอ่างจากุชชี่ตอนกลางคืนไม่ได้ภายสวยๆ เพราะมองไม่เห็นวิวเลย มืดไปหมด ฮ่าๆ
แช่ไปเรื่อยๆ จนตัวเปื่อยครับ เอาจริงๆ คือเพลินดีแฮะ มีแรงดันน้ำวนอยู่ภายในอ่าง รู้สึกผ่อนคลาย
คืนนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ดูหนัง กินขนมก่อนที่จะแยกย้ายเข้านอนครับ
บทความต่อไปก็จะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว ผมจะพาไปดูบรรยากาศตอนเช้า และก็พาไปทำกิจกรรมพายเรือด้วย ติดตามตอนต่อไปครับ
|
คลิกที่รูปภาพ เพื่อเช็คราคาที่พักได้เลยครับ |
ตอนสุดท้ายครับ
การขับรถท่องเที่ยวนอกจากเราจะต้องวางแผนเส้นทาง วางแผนค่าใช้จ่ายแล้ว อย่าลืมตรวจสอบประกันรถยนต์ อย่าให้ประกันขาดเป็นอันขาด
เพราะการเดินทางบนท้องถนน ย่อมมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว หากเราไม่มีประกันรถยนต์คุ้มครองเลย เกิดเหตุขึ้นมาแย่แน่ครับ ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ แต่ถ้าเราหาประกันรถยนต์ดีๆ ที่มอบความคุ้มครองทั้งรถยนต์ และผู้โดยสารภายในรถทุกคน แบบนี้อุ่นใจแน่นอนครับ ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่มีประกันรถยนต์ หรือ ประกันรถยนต์กำลังจะหมดอายุในเร็ว ๆ นี้ ขอแนะนำให้เช็คเบี้ยประกันที่ Link ด้านล่างได้เลย
Roojai.com - รู้ใจ
Roojai.com เป็นประกันออนไลน์ที่ขึ้นชื่อว่าขายดีที่สุดในประเทศไทย การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีรถเสียตลอด 24 ชั่วโมง เช็คเบี้ยประกันรถกับ Roojai.com พบข้อเสนอที่ดีกว่า
แรบบิทไฟแนนซ์ เว็บไซต์เปรียบเทียบประกันรถยนต์จาก 30 บริษัทชั้นนำภายใต้เครือ BTS Group พร้อมอำนวยความสะดวกด้วยการผ่อนชำระเบี้ยประกันภัยดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ซึ่งทางแรบบิทไฟแนนซ์เขาโฆษณาว่าประหยัดเบี้ยสูงสุดถึง 70%
0 ความคิดเห็น