ตลาดหุ้น เครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยให้คุณเป็นอิสระจากงานประจำ | Ae Thanet

 


ถ้าคุณฝันว่าอยากหลุดพ้นจากวงจรชีวิตพนักงานประจำที่ต้องเข้างานออกงานเป็นเวลาสุดแสนจะน่าเบื่อ ขยันทำงานมากแต่ได้ผลตอบแทนคงที่ อยากมีอิสระภาพทางการเงิน อยากจะเกษียณอายุก่อน 60 ปี ใช่ครับผมก็เป็นหนึ่งในนั้น บทความนี้จะนำเสนออีกหนึ่งเครื่องมือที่ทำจะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อให้คุณจะได้เอาไปประกอบการวางแผนเส้นทางชีวิต


เก็บเงินสดไว้สุดท้ายก็แพ้เงินเฟ้อ

ผมเคยเป็นหนึ่งคนที่คิดว่าหาเงินมาได้ก็เอาเงินไปฝากออมทรัพย์ ฝากประจำกินดอกเบี้ยกับธนาคารก็เพียงพอแล้ว ก็ต้องบอกว่าในอดีตอาจจะใช่ แต่ปัจจุบันไม่ได้แล้ว เหตุผลเพราะว่า

  • สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ประกาศลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียง 1 ล้านบาท ต่อ คน ต่อ สถาบันการเงิน นับจากวันที่ 11 ส.ค. 2564 เป็นต้นไป (อ่านบทความเพิ่มเติม - เราจะปฏิบัติตัวอย่างไร? เมื่อวงเงินคุ้มครองเงินฝาก ลดเหลือ 1 ล้านบาท) นั่นหมายความว่า การเก็บเงินสดไว้มากไปก็มีความเสี่ยง ซึ่งผมมองว่าการประกาศลดวงเงินคุ้มครองนั้น ส่งผลให้ประชาชนต้องการจายเงินฝากไปหลายธนาคาร ธนาคารละไม่เกิน 1 ล้านบาท อีกส่วนก็เป็นการบีบให้ต้องนำเงินไปลงทุนอื่นๆ ด้วย 
  • ดอกเบี้ยเงินฝากไม่ชนะเงินเฟ้อ โดยขณะนี้ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ 0.25 - 1.5% ใขณะที่อัตราเงินเฟ้อไทยเฉลี่ย 2 เดือนแรกของไตรมาสที่ 2 ปี 2564 อยู่ที่ร้อยละ 2.9 (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย) นั่นหมายความว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ไม่ชนะเงินเฟ้อ มูลค่าเงินสดของเราจะลดลงตามกาลเวลาหากเราไม่ทำอะไรเลย 

จากปัจจัยดังกล่าว เราจะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินของเรา โดยจะต้องหาวิธีการเปลี่ยนเงินสดให้เป็นสินทรัพย์รูปแบบอื่นๆ บ้าง ก็เพื่อกระจายความเสี่ยง และป้องกันมูลค่าลดลงจากเงินเฟ้อด้วย การเปลี่ยนแปลงเงินสดให้อยู่ในรูปแบบสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ซื้อทองคำ ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อพันธบัตร ตราสารหนี้ ซื้อหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ฯลฯ จะเลือกวิธีใดนั้นก็แล้วแต่ความรู้ความสามารถของแต่ละบุคคล


ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าของกิจการ

บางคนอาจจะนำเงินไปต่อยอดลงทุนประกอบกิจการ แต่ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงนั้น จะต้องใช้ความรู้ ความสามารถ แรงกาย แรงใจที่เยอะมาก ถ้ารุ่งกิจการได้รับการตอบรับจากลูกค้าดี โอกาสที่เราจะจับเงินแสน เงินล้านย่อมมีมากว่าการเป็นพนักงานเงินเดือนอยู่แล้ว  แต่ถ้าไม่รุ่ง ยอดขายไม่ดี ความรู้ความสามารถไม่ถึง ก็อาจจะหมดทุนได้ (ในโลกของธุรกิจ มันต้องใช้ความรู้หลายอย่าง ถ้าหากทำตัวคนเดียวแล้ว เรียกว่าหัวหมุนกันเลยทีเดียว ไหนจะเรื่องทักษะการขาย การทำบัญชี ภาษี การผลิตสินค้า การจัดส่งสินค้า ฯลฯ)  ผมกำลังจะสื่อว่า หลายคนอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าของกิจการจริงๆ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่มีอาชีพที่เรียกว่าพนักงานหรอก จริงไหมครับ 

แต่คุณรู้ไหมครับว่า ถึงแม้วันนี้เราจะเป็นพนักงานตัวน้อยๆ แต่เราก็สามารถร่วมเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยได้ ด้วยการลงทุนในหุ้น (ซื้อหุ้น)


เริ่มต้นจากตลาดหุ้นไทย

บริษัทมหาชนหลายร้อยบริษัทในประเทศไทย ได้เปิดโอกาสให้คนไทยได้เป็นเจ้าของกิจการ โดยการนำหุ้นของบริษัทมาเปิดให้ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ดังนั้น ถ้าวันนี้เราเก็บเงินอยู่ในรูปแบบเงินสดในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี เราลองเปลี่ยนมาออมในหุ้น โดยการซื้อหุ้นเก็บสะสมในทุกๆ เดือน โดยเริ่มต้นจากการซื้อหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ อยู่มานานแล้ว มีการจ่ายเงินปันผลต่อปีที่ชนะอัตราเงินเฟ้อ สิ่งที่คุณจะได้รับจากการออมหุ้นคือ

  • เงินปันผล คุณสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อหุ้นที่จ่ายเงินปันผลเท่าไหร่  อย่างผมจะเลือกซื้อหุ้นที่จ่ายเงินปันผล 5% ต่อปีขึ้นไป และจ่ายเงินปันผล 2 ครั้งต่อปี อย่าลืมว่าเราควรเลือกหุ้นที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ ปี
  • มูลค่าหุ้นเติบโตตามกาลเวลา ถ้าเราซื้อหุ้นพื้นฐานดีแล้วถือในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นย่อมสูงขึ้นไปตามกาลเวลา สมมติว่าในวันที่เราซื้อหุ้น เราซื้อมาในราคาหุ้นละ 1 บาท อีกสิบปีข้างหน้า หุ้นอาจจะราคาเกิน 10 บาท ก็ได้หากบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ความเป็นเจ้าของ ถ้าวันนี้เรามีเงินหลักร้อยเราก็ซื้อหุ้นปั๊มน้ำมันได้ (ผมแค่ยกตัวอย่างเฉยๆ ) เราจะได้ความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ เช่น ถ้าเรามีหุ้นปั๊มน้ำมัน เวลาเราเข้าใช้บริการปั๊มน้ำมันนั้นๆ เราก็จะได้ความรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกิจการนั้นๆ อยากเห็นกิจการของเรานั้นเติมโต 

จะว่าไปหุ้นก็ให้ความเป็น Passive Income ได้มากพอสมควรเลย เพียงในระยะแรกๆ เราจะต้องตั้งใจศึกษาโมเดลธุรกิจของบริษัทนั้นๆให้ดีเสียก่อน เพื่อตัดสินใจลงทุน จากนั้นก็ถือกันไปยาวๆ บริษัทมหาชนเขามีการจ้าง CEO เก่งๆ มาบริหารอยู่แล้ว เราก็รอรับเงินปันผลได้เลย ที่เหลือคือคอยติดตามข่าวสารบ้างเพื่ออัพเดทสถานการณ์ของบริษัท 


ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งมีอิสรภาพเร็ว

ตอนนี้คุณน่าจะพอมีไอเดียแล้วล่ะ ผมก็เช่นกัน การสะสมหุ้นก็เป็นอะไรที่ฟินมาก ถ้าเราได้สะสมหุ้นบริษัทที่เราชอบมันจะรู้สึกว่ามีพลัง อยากจะหาเงินมาซื้อหุ้นที่เราชอบอีก อะไรทำนองนั้น

สิ่งหนึ่งที่ผมพลาดคือ การรู้จักหุ้นช้าไป มารู้จักก็ตอนอายุจะ 30 ปี แล้ว ถ้าผมรู้จักหุ้นตั้งแต่อายุ 20 ปี ป่านนี้ได้จับเงินล้านแล้วครับ ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งประสบความสำเร็จเร็ว

เชื่อว่าหลายคนอาจจะเป็นโลกเดียวกัน คือเห็นเงินสดในบัญชีแล้วมันอยากใช้ เพราะเงินมันใช้ง่าย กลายเป็นโรคเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ แต่พอเปลี่ยนมาออมในหุ้นแล้ว  เอาเงินออกมาใช้ยากกว่าเดิม ก็ทำให้เก็บเงินได้มากยิ่งขึ้น เพราะเราแปลงมูลค่าเงินบาทเป็นจำนวนหุ้นในพอร์ตนั่นเอง 


สุดท้ายนี้ก็อยากขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ต้องขออภัยหากเขียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่อยากเขียนเพื่อให้กำลังใจทุกคน อยากให้ทุกคนเริ่มคิดถึงเรื่องเงินให้มากๆ เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่ไม่นอน วันนี้เราทำงานมีรายได้ แต่อนาคตเราอาจจะไม่มีรายได้เลยก็เป็นได้ ถ้าเรามีหุ้นที่สามารถปันผลต่อปีให้เราได้มากพอ เราก็อาจจะเกษียณอายุ ลาออกจากงานประจำได้อย่างสบายใจ มีเงินกินเงินใช้ตลอดชีวิต สุดท้ายก็ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จไวๆ ครับ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น