มือใหม่ ซื้อประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง | Ae Thanet



สำหรับผู้ใช้รถมือใหม่ ผู้มีรถคันแรก สิ่งที่เพื่อนๆ ควรรู้นอกเหนือจากเรื่องของกฎจราจรซึ่งช่วยให้เราขับขี่ได้อย่างปลอดภัย เทคนิคการขับรถ และการบำรุงรักษารถยนต์อันเป็นสุดที่รักของเราแล้วนั้น การซื้อ 'ประกันภัยรถยนต์' ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่เราห้ามมองข้ามเป็นอันขาด เพราะถ้าเกิดเหตุที่เราไม่คาดฝันขึ้นมาก (ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแน่นอน!!!) เจ้าประกันภัยรถยนต์นี้แหละ ที่จะช่วย SAVE เงินในกระเป๋าของเรานั่นเอง

เหตุผลที่ควรศึกษา ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์

ประโยชน์ที่ได้แน่ๆ คือ เราจะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ มีเทคนิค ขั้นตอนการซื้อประกันรถยนต์ที่ดูฉลาดมากยิ่งขึ้น (ดีกว่ากดซื้อมั่วๆ แน่นอน ) ซื้อประกันรถยนต์แบบไหนคุ้มค่ามากที่สุด ประหยัดเงินค่าเบี้ยประกันมากที่สุด ตรงนี้ถ้าเราให้ความสำคัญตั้งแต่ตอนเลือกซื้อ เราจะได้สิ่งที่ดีและคุ้มค่าและไม่รู้สึกเสียดายในภายหลังแน่นอน (คงไม่มีใครอยากพูดคำว่า "รู้งี้!!! ซื้อประกันรถยนต์ ไว้ดีกว่า" ใช่ไหมครับ ^^ )

ประโยชน์อีกอย่าง คือ ตอนเราเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน (ผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว) เราจะรู้สึกอุ่นใจเพราะเรามีประกันให้เราได้โทรหา โทรแจ้งเหตุ มีเจ้าหน้าที่ประกันเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ดูแลเราในจุดที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว แบบมืออาชีพให้ความคุ้มครองตามสิทธิในเงื่อนไขของกรรมธรรม์ที่เราซื้อนั่นเอง และการดูแลในขั้นตอนของการหาอู่ซ่อมรถ ตลอดการส่งรถเข้าซ่อมให้กลับมามีสภาพที่ดีเช่นเดิม

มาถึงจุดนี้เชื่อว่าเพื่อนๆ คงรู้แล้วใช่ไหมครับว่า การเลือกซื้อประกันรถยนต์ไม่ได้ดูแค่ราคาที่ถูกที่สุดเท่านั้น เราต้องดูไปถึงบริการหลังการขายด้วย ซึ่งบทความนี้เราจะมาพูดคุยกันครับว่า ปัจจัยอะไรบ้างที่เราจะใช้ประกอบกการตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ จากประสบการณืเลือกซื้อประกันด้วยตัวของผมเอง และจากการศึกษาหาความรู้จากหลายๆ แหล่ง อ่านจบคือลงมือซื้อประกันได้เลยครับ


การซื้อประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง

บทความนี้ผมจะไม่ได้มาบอกว่าให้เลือกซื้อประกันรถยนต์ของเจ้านี้ดี ประกันรถยนต์ของเจ้านี้คุ้มค่า เพราะคำว่าดี คุ้มค่าของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เพราะว่าทุกคนมีรถยนต์ที่ยี่ห้อ รุ่น การใช้งาน พื้นที่ใช้งานที่ไม่เหมือนกันถูกต้องไหมครับ ดังนั้นต่อไปนี้คือรายการสิ่งที่ทุกคนต้องดู พิจารณาเพื่อให้เลือกประกันรถยนต์ให้เหมาะสมและคุ้มค่ากับค่าเบี้ยที่เราต้องเสียไปในแต่ละปี

1. ทุนประกัน

ทุนประกันเป็นสิ่งที่เราควรดูเป็นอันดับแรก ซึ่งตรงนี้จะเป็นวงเงินสินไหมสูงสุดที่บริษัทมอบความคุ้มครอง กรณีที่เกิดความเสียหายต่อตัวรถของเรา อาทิเช่น การชนแบบไม่มีคู่กรณี (ในประกันชั้น 1 ) การชนกับยานพาหนะทางบก รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม (บางประกันจะครอบคลุมในกรณีน้ำท่วม)

ทุนประกันเป็นปัจจัยหลักปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันรถยนต์ กล่าวคือ ยิ่งทุนประกันสูง ค่าเบี้ยประกันก็จะสูงตามไปด้วยนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์ เช่น ยี่ห้อ รุ่นรถยนต์ ราคาค่าอะไหล่ของรถรุ่นนั้น ๆ ด้วยครับ

อีกกรณีหนึ่งที่บริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามทุนประกันเลย นั้นก็คือ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุและมีมูลค่าความเสียหายเกินกว่า 70% พูดง่าย ๆ คือ เกิดอุบัติเหตุหนักมากเกินกว่าจะซ่อมได้ เงื่อนไขของแต่ละบริษัทอาจจะต่างกันไปครับ

ประกันรถยนต์จะให้ทุนประกันอยู่ที่ 80% - 90% ของราคารถยนต์ซึ่งจะยึดถือตามราคากลางที่กำหนดไว้ในปีนั้นๆ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่ามีการหักค่าความเสื่อมออกไปครับ สมมติว่าคุณนำรถยนต์ของคุณไปตรวจสอบยี่ห้อ รุ่น ปีที่ผลิต พบว่ามีราคากลางอยู่ที่ 500,000 บาท รถยนต์คันนี้จะได้ทุนประกันราวๆ 450,000 บาท ซึ่งถือเป็น 90% ของราคากลางครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจของบริษัทประกันซึ่งอาจจะมีการเพิ่มลดทุนประกันในปีนั้นๆ ด้วย


2. ค่าเสียหายส่วนแรก

บางครั้งเรามัวแต่มองหาประกันรถยนต์ที่มีทุนประกันสูง ค่าเบี้ยถูกจนลืมพิจารณาค่าเสียหายส่วนแรก มือใหม่อย่าเรา ๆ อาจจะไม่รู้จักว่่า ค่าเสียหายส่วนแรก คืออะไร?

ค่าเสียหายส่วนแรก คือ เงินที่เราต้องควักกระเป๋าจ่ายทุกครั้งเมื่อทำการเคลม โดยปัจจุบันจะอยู่ที่ราว ๆ 1,000 - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจของแต่ละบริษัทประกัน ตรงนี้เพื่อนๆ ต้องดูให้ดีๆ ก่อนซื้อประกันนะครับ

ยิ่งค่าเสียหายส่วนแรกมากเท่าไหร่ค่าเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูกลง ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเบี้ยประกันปีละ 18,000 บาท ถ้าเพื่อนๆ เลือกแบบรับค่าเสียหายส่วนแรกสูงสุด 5,000 บาท ค่าเบี้ยประกันอาจลดลงเหลือเพียง 13,000 บาท แต่หากมีการเคลมซ่อมรถยนต์เกิดขึ้น เพื่อน ๆ ต้องจ่ายค่าซ่อมเองก่อน 5,000 บาททุกครั้ง

แล้วการซื้อประกันรถยนต์ เลือกค่าเสียหายส่วนแรกดีไหม? หรือ เลือกแบบไม่มีค่าเสียหายส่วนแรกดีกว่า? ตรงนี้ให้เพื่อน ๆ ประเมินไลฟ์สไตล์การขับขี่ของตนเองว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งหรือไม่? สำหรับมือใหม่หัดขับใน 1-2 ปีแรก แนะนำให้เลือกแบบไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก จะดีกว่าครับ (ผมเจอมากับตัวแล้ว) หรือไม่ก็ให้เลือกรับค่าเสียหายส่วนแรกไว้น้อยๆ เพื่อให้สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสำหรับอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ได้ ตัวอย่างเช่น เลือกรับค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน มีค่าซ่อมสีสมมติซ่อม 5,000 บาท แบบนี้เราจ่าย 1,000 บาท ที่เหลือให้บริษัทประกันจ่าย

ในทางกลับกันหากเพื่อนๆ ขับรถมานาน เกิดความชำนาญในการขับรถแล้ว ไม่มีประวัติการเคลมประกันหรือนานๆ ทีจะเกิดอุบัติเหตุ (ไม่ได้เกิดทุกปี) อาจจะเลือกรับค่าเสียหายส่วนแรกที่สูงขึ้นเพื่อที่ว่าจะจ่ายค่าเบี้ยประกันที่ถูกลง



3. อู่ซ่อมในเครือประกัน (การให้คะแนนการเคลม)

ตรงนี้หลายๆ คนมองข้ามครับ รวมถึงผมด้วย 555 จริงๆ ไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุหรอก แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาและจำเป็นต้องเอารถเข้าซ่อมละก้อ ได้วิ่งวุ่นหาอู่ซ่อมแน่ๆ ก่อนอื่นเราต้องรู้จักคำว่า ซ่อมห้าง และ ซ่อมอู่ ก่อนครับ

ซ่อมห้าง คือ ซ่อมกับศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อนั้น ๆ ซึ่งแพ็คเกจประกันแบบนี้จะมีค่าเบี้ยที่มากกว่า ปกติรถใหม่ป้ายแดง จะนิยมเลือกซ่อมห้าง เพราะว่าจะได้อะไหล่แท้แน่นอน และช่างซ่อมที่มีความเป็นมาตรฐานโรงงาน (จริงๆ ถ้าเพื่อนๆ เคยอ่านตามพันทิปก็อาจจะเห็นกระทู้ผ่าน ๆ ตาบ้างว่าบางศูนย์ก็ซ่อมมามีปัญหาอันนี้ก็แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตครับ ไม่เสมอไปครับ)

ซ่อมอู่ คือ ซ่อมกับอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไป ส่วนมากก็จะเป็นอู่ในเครือของบริษัทประกันนั่นแหละครับ เขาดีลกันไว้

ตรงนี้ผมมีคำแนะนำง่าย ๆ ที่ผมใช้จริงครับ กรณีที่เพื่อนๆ มีอู่ซ่อมรถในพื้นที่แถวบ้านอยู่แล้ว เป็นอู่ใหญ่ มีมาตรฐาน และคะแนนรีวิวจากผู้เข้ารับบริการดี แบบนี้สบายครับ ลองโทรเข้าไปปรึกษาอู่ซ่อมหรือเช็คจากแฟนเพจ เว็บไซต์ของอู่ซ่อมว่า เขารับเคลมประกันรถยนต์ของบริษัทประกันที่ไหนบ้าง เราก็จดมาครับ เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของเรา หรือค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของบริษัทประกันตรงๆ เลยก็ได้ครับ


เลือกบริษัทประกันที่มีอู่ซ่อมเยอะ ๆ จะได้เปรียบกว่า เราจะได้มีตัวเลือกเยอะด้วย หรือไม่ก็ปรึกษาอู่ซ่อมรถยนต์ เขาจะบอกว่าประกันเจ้าไหนให้ซ่อมอะไหล่แท้ ประกันเจ้าไหนอนุมัติการซ่อมไว ไม่มีปัญหาการเคลม


4. การให้บริการ

หัวข้อนี้สำคัญมาก เวลาเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เพื่อนๆ คงไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบว่าโทรหาประกันเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด โทรติดยาก ต่อสายวุ่นวายถูกต้องไหมครับ หรือแบบเจ้าหน้าที่ประกันมาช้า

วิธีการที่เราจะตรวจสอบคุณภาพการให้บริการของบริษัทเจ้าที่เราสนใจ ง่ายสุดคือการอ่านรีวิวจากในอินเทอร์เน็ต จากกระทู้พันทิป หรือโทรสอบถามข้อมูลประกันจากบริษัทโดยตรง (ถ้ามีเวลานะครับ) ตรงนี้เราจะรู้ได้ว่าติดต่อง่ายไหม พนักงานพูดจาดีไหม ให้ข้อมูลมีความชัดเจนไหม มีมนุษยสัมพันธ์ดีไหม ตรงนี้ก็จะช่วยให้เรารู้สึกมีความมั่นใจที่จะเลือกใช้บริการบริษัทประกันเจ้านั้น ๆ มากยิ่งขึ้นครับ

เคล็กลับอีกอย่างที่คนยุคใหม่ชิคๆ คูลๆ ไฮเทคโนโลยีแบบผมต้องดูเป็นพิเศษ นั้นก็คือ แอปพลิเคชัน เทคโนโลยีการให้บริการของบริษัทประกัน ตรงนี้ผมให้คะแนนสูงมากกกก ถ้าแอปโหลดไว สามารถตรวจสอบข้อมูลแพ็คเกจประกันได้ครบครัน แจ้งเหตุฉุกเฉินได้ ส่งพิกัดจุดเกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่ตัวแทนประกันได้ ผมจะตัดสินใจเลือกเร็วมาก เพราะว่าการบอกทางให้มาจุดเกิดเหตุมันช่างยากซะเหลือเกิน คนที่เคยเกิตอุบัติเหตุจะเข้าใจครับ


5. บริการเสริม

ในส่วนนี้จะเป็นสิทธิประโยชน์หรือบริการเสริมที่เราอาจใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกประกันรถยนต์ โดยบริการเสริมที่ผมเคยเจอ ได้แก่

บริการลากจูงหรือรถยก เป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองหา โดยเมื่อเกิดอุบัติเหตุหนักที่ทำให้เราไม่สามารถขับขี่ต่อไปได้ ตรงนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราอย่างมาก ถ้าบริษัทเสนอบริการเสริมนี้ให้ฟรี นับว่าน่าสนใจเป็นอยากมาก

บริการที่จอดรถยนต์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตรงนี้เห็นมีบริษัทประกันบางเจ้าเริ่มทำแล้ว (สีเขียวๆ ถ้าอยากให้รีวิว sponsor ผมได้นะครับ 555) บริการที่จอดรถยนต์คนในเมืองน่าจะชอบครับ รู้ๆ กันอยู่ว่าหาที่จอดรถยาก

บริการล้างรถยนต์ฟรี ตรงนี้ยังไม่เคยใช้เหมือนกัน ถือว่าเป็นความคุ้มค่าอย่างหนึ่ง แลดูมีความใส่ใจลูกค้าดีนะครับ ผมชอบ

คูปองส่วนลดเติมน้ำมัน มีแจกบ้างสำหรับผู้ซื้อประกันรายใหม่ ถ้าได้ถือว่าคุ้มค่าครับ




ถึงจุดนี้เพื่อน ๆ น่าจะมีหลักการในการเลือกประกันที่มากพอสมควรเลย น่าจะช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจเลือกประกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

สมัยนี้ซื้อประกันออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เราสามารถเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ เช็คเบี้ยประกันรถ เปรียบเทียบและทราบรายละเอียดคร่าวๆภายในเวลาไม่กี่นาที สะดวกสะบายจริงๆ ผมขอแนะนำเว็บซื้อประกันออนไลน์ที่ผมรู้จัก เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปเช็คเบี้ยประกันได้เลยครับ

Roojai.com - รู้ใจ 


Roojai.com เป็นประกันออนไลน์ที่ขึ้นชื่อว่าขายดีที่สุดในประเทศไทย การันตีถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินกรณีรถเสียตลอด 24 ชั่วโมง

เพื่อนๆ สามารถลองเช็คเบี้ยประกันรถกับ Roojai.com ดูก่อนที่จะตัดสินใจแล้วอาจจะพบข้อเสนอที่ดีกว่าก็เป็นได้ครับ



RABBITFINANCE (แรบบิทไฟแนนซ์) ประกันรถยนต์ออนไลน์


แรบบิทไฟแนนซ์ เว็บไซต์เปรียบเทียบประกันรถยนต์จาก 30 บริษัทชั้นนำภายใต้เครือ BTS Group พร้อมอำนวยความสะดวกด้วยการผ่อนชำระเบี้ยประกันภัยดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ซึ่งทางแรบบิทไฟแนนซ์เขาโฆษณาว่าประหยัดเบี้ยสูงสุดถึง 70% เพื่อนๆ สามารถเข้าไปลองเช็คข้อเสนอต่างๆ ได้ครับ คลิกเช็คเบี้ยประกัน


ASIA DIRECT BROKER (ADB)

Asia Direct Broker เว็บไซต์เปรียบเทียบประกันภัยชั้นนำต่างๆมากมาย เช่น วิริยะประกันภัย สินมั่นคงประกันภัย เอเชียประกันภัย ทิพยประกันภัย แอลเอ็มจีประกันภัย ประกันภัยไทยวิวัฒน์ เป็นต้น เพื่อนๆ สามารถลองเข้าไปเช็คข้อเสนอ ส่วนลดต่างๆ ได้ครับ คลิกเช็คเบี้ยประกัน

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น