ในแต่ละวันของคนเรามีรายจ่ายเยอะไปหมด นั่นก็เพราะว่าคนเราต้องกินต้องใช้อยู่ตลอดเวลา ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต ถึงจะอยู่บ้านก็มีเรื่องให้เสียเงินได้เหมือนกัน จะสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน หรือจะสั่งของออนไลน์ล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น ถ้าวันนี้ยังมีรายได้เพียงทางเดียว ก็ถือว่ามีความเสี่ยง หากเกิดวิกฤตขึ้นมา โดนเลิกจ้าง ตกงาน เราจะแย่ ถ้าใครสำรองเงินฉุกเฉินไว้ก็จะมีโอกาสรอดมากกว่าคนอื่น
ความสำคัญของการมีรายได้หลายทาง
การวางแผนการเงินให้มีรายรับ/รายได้จากหลายๆ ช่องทางนั้น นับเป็นศิลปะการจัดการด้านการเงินที่จะช่วยเติมเต็มเงินในกระเป๋าไม่ให้ขาด วันใดที่เงินจากช่องทางหลักขาดหายไป เรายังมีเงินจากช่องทางเสริม ยิ่งมีช่องทางรายได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้อุ่นใจมากเท่านั้น
นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จหลายท่าน ไม่ได้ทำเพียงธุรกิจเดียว พวกเขามักจะทำหลายธุรกิจ เพียงแต่ในช่วงแรกๆ เขาจะโฟกัสที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งให้แข็งแกร่งก่อน จากนั้นเขาจะค่อยๆ ขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ สร้างบริษัทย่อยต่อๆ ไป ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อให้มีช่องทางหลายๆ ช่องทาง หากวันใดธุรกิจหนึ่งล้ม ก็จะมีธุรกิจอื่นให้ไปต่อได้
หากวันนี้เรากำลังทำอาชีพอิสระ หรือกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือการทุ่มเทให้กับงานที่เราเลือกที่จะทำให้ดีที่สุดไปก่อน ทำให้เต็มที่ อย่าทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน เพราะเราอาจจะทำไม่ดีเลยสักอย่างก็เป็นได้
มาวางแผนให้มีรายได้หลายช่องทางกันเถอะ
การวางแผนรายได้ให้มีหลายๆ ทาง ไม่ได้หมายความว่า ต้องรับงานหลายๆ ชนิด หลายๆ โปรเจคในเวลาเดียวกันเสมอไป แต่หมายถึง การวางแผนให้มีรายได้จากหลายช่องทาง เช่น วันนี้คุณอาจจะเป็นพนักงานประจำอยู่ในบริษัทแห่งหนึ่ง เวลานอกเหนือจากงานประจำคุณอาจจะรับงานพิเศษ งานฟรีแลนซ์ แต่ในอีกทางหนึ่งคุณอาจจะมีห้องพักหรือคอนโดปล่อยเช่ารับค่าเช่าในทุกๆ เดือน หรือ บางคนอาจจะสร้างทรัพย์สินเป็นหนังสือวางขายในร้นหนังสือ หรือขายรูปภาพตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือ ลงทุนในหุ้น ทองคำ ตลาดเงินดิจิทัลเพื่อเก็งกำไรก็ได้ ไม่มีสูตรตายตัว เราก็ต้องเลือกทำในสิ่งที่เราถนัด หรือ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร ก็ต้องลองลงมือทำเดี๋ยวสักวันก็เจอสิ่งที่เราถนัด
สำหรับคนที่จะลาออกจากงานประจำมาเป็นฟรีแลนซ์ สิ่งที่ต้องตระหนักคือรายได้ที่เข้ามาจะไม่แน่นอน ต้องวางแผนการเงินให้ดี อุดช่องโหว่ให้หมด เพื่อที่จะทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจไร้กังวล แต่ถ้ายังไม่มีช่องทางรายได้สำรอง แล้วกระโจนมาทำฟรีแลนซ์เต็มตัว ถามว่าผิดไหม ก็ไม่ผิดนะครับ เพียงแต่ว่าตอนที่ไม่มีงาน ไม่มีรายได้ แล้วเงินสำรองหมด ก็อาจจะเครียด กังวลใจ หรือทำงานออกมาไม่ดี หรือไม่ก็ต้องกลับไปทำงานประจำนั่นเอง แต่คำว่ารายได้ไม่แน่นอนมันกลับเป็นเรื่องดีของฟรีแลนซ์ฝีมือดี เพราะจะสร้างเงินได้เร็วมาก เพราะยิ่งทำมากยิ่งได้มากนั่นเอง กล่าวได้ว่า รายได้มากตามความสามารถ
แชร์ประสบการณ์ของคนที่มีรายได้ช่องทางเดียว แต่รายจ่ายหลายช่องทาง
ความรู้สึกของคนที่อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี และรายจ่ายก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เพราะเรามีภาระ มีความรับผิดชอบที่มากขึ้น ไหนจะค่าเช่า ค่าผ่อนรถ ค่ากิน ค่าของใช้ ค่าใช้จ่ายในครอบครัว ฯลฯ เยอะแยะไปหมด ในขณะที่มีรายได้เพียงทางเดียว มันจะมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่มั่นคงอยู่ตลอดเวลา ถ้าวันใดเราตกงาน วันนั้นเราคงแย่ ใครที่รู้สึกแบบนี้ขอให้เข้มแข็ง มีเป้าหมายที่ชัดยิ่งขึ้น ทิ้งกิจกรรมที่ไร้สาระไปก่อน ทิ้งไม่ได้ก็ลดๆ ไปบ้าง แล้วโฟกัสที่การสร้างช่องทางรายได้เพิ่มครับ แล้ววันใดที่เรามีรายได้หลายช่องทางแล้ว เราจะมีความสบายใจมากยิ่งขึ้นครับ
ขณะที่ผมเขียนบทความนี้อยู่ ก็ต้องยอมรับงานเป็น Loser คนหนึ่ง เรียนจบเกียรตินิยมแท้ๆ แต่กลับติดแหง็กอยู่ใน Comfort zone ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนตายตัว แต่บริษัทที่ผมทำจะแปลกกว่าที่อื่นๆ คือทำงานไม่เป็นเวลา แต่ที่ผมยังทำอยู่นั้นก็เพราะความไม่เป็นเวลานั่นเอง มันทำให้ผมจะทำเวลาไหนก็ได้ ไปทำธุระตอนกลางวันก็ได้แล้วตอนกลางคืนก็ค่อยมาทำงาน ยืดหยุ่น ฟังแล้วเหมือนจะดูดีคล้ายกับฟรีแลนซ์ใช่ไหม แต่บางทีผมก็ทำงานหนักมาก ทำเกินวันละ 8 ชม. บ่อยครั้ง และก็เป็นโอฟรีซะด้วย มันจึงทำให้ผมอยากไปทำอย่างอื่นบ้าง และการเขียนบล็อกมันคือการฝึกสกิลการเขียนของผม เผื่อสักวันผมจะเป็นบล็อกเกอร์ที่ดีได้ และสักวันบล็อกนี้จะสร้างรายได้ให้ผมไม่มากก็น้อย
สรุป
สุดท้ายแล้วมันไม่มีคำแนะนำตายตัวว่า คุณทำแบบนี้ซิ! เพราะว่าชีวิตของทุกคนไม่เหมือนกัน ความชอบไม่เหมือนกัน ความถนัดไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทุกคนควรมีเหมือนกันคือการมีรายได้ที่มากกว่า 1 ช่องทาง ทั้งช่องทางที่เป็น Active income หรือ รายได้ที่เราต้องใช้แรงกายและเวลาเข้าแลกกับเงิน จะงานประจำ หรือฟรีแลนซ์ก็ได้หมด และช่องทางที่เป็น Passive income หรือ รายได้ที่ใช้แรงกายน้อยๆ จะเป็นลงทุนในหุ้น เขียนหนังสือขาย ทำคอร์สออนไลน์ขาย อะไรก็ตามที่สร้างเงินให้เราเรื่อยๆ ได้ ก็จงทำไว้ทั้ง 2 แบบ เมื่อถึงวันที่เราทำงานไม่ได้ ตกงาน เจ็บป่วยต้องใช้เงินรักษา เราจะได้มีชีวิตต่อไปอย่างสบายใจไร้กังวล ขอเป็นกำลังให้ทุกๆ คนครับ
บทความที่คุณอาจจะชอบ
- ความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพจะทำให้เรา "หาเงินเก่ง" ส่วนความเชี่ยวชาญด้านการเงินจะทำให้เรา "ใช้เงินเป็น"
- เทคนิคบริหารจัดการเงิน ด้วยบัญชีธนาคาร ง่ายมากๆ
0 ความคิดเห็น